[Fic Haikyuu] Healing (Asahi x Nishinoya)


Title: Healing
Author: Yaoyuay
Fandom: Haikyuu
Pairing: Asahi x Nishinoya
Rating: PG-13
Warning: Yaoi
 
 
 
 
“โอ๊สสส!! อาซาฮิซัง”
 
พอเปิดประตูห้องชมรมเข้ามาก็เจอนิชิโนะยะอยู่ในห้องก่อนแล้ว ลิเบอโรตัวเล็กยังจับสายกระเป๋าสะพายที่เพิ่งวางลงบนขั้นวางของอยู่ที่มือ ถ้ามาถึงก่อนก็คงมาถึงก่อนแค่ไม่นาน
 
 
“วะ..ว่าไง นิชิโนะยะ”
 
ลูบท้ายทอยตัวเองทักทายคนที่ส่งเสียงทักดังลั่น ก่อนจะเดินไปวางกระเป๋าข้างๆ ให้คนที่มาถึงก่อนหันมาส่งยิ้มทักทาย
 
 
“วันนี้มาเร็วนะครับ”
 
 
“อะ..อื้อ จะมาฝึกเสิร์ฟลูกน่ะ”
 
พอตอบไปแบบนั้น คนที่ยืนนิ่งจนถึงเมื่อกี้ก็กระโดดโลดชูสองแขนขึ้นสุดอย่างดีใจ
 
 
“ขอรับลูกเสิร์ฟอาซาฮิซัง นะครับ!!”
 
แล้วลิเบอโรที่ขอยืนอยู่อีกฝั่งของคอร์ทรอรับลูกเสิร์ฟก็รีบวิ่งไปที่ตู้ล็อคเกอร์ หยิบกางเกงขาสั้นที่ใช้ใส่ตอนซ้อมออกมาเตรียมเปลี่ยนทั้งที่ก็กำลังถอดกักคุรันออกไม่ทันจะพ้นแขน ตื่นเต้นจนรีบมาก แล้วก็มีพลังอยู่เต็มเปี่ยมในร่างกายเล็กๆ นั้นอย่างไม่น่าเชื่อ
 
 
ส่งยิ้มให้กับด้านหลังผมสีดำที่เซ็ตตั้งขึ้น แล้วค่อยๆ เดินตามไปที่ตู้ล็อคเกอร์ นิชิโนะยะเปลี่ยนเสื้อเสร็จด้วยความรวดเร็วทั้งที่เขายังไม่ทันได้ถอดเสื้อเชิ้ตนักเรียนในระหว่างที่เดินไปพลางก็ปลดกระดุม หยุดยืนรออยู่กลางห้องระหว่างที่คนตัวเล็กมุดเข้าไปด้านในล็อคเกอร์แขวนกักคุรันเก็บด้านใน พอไม่ใช่ชุดนักเรียนแขนยาวแล้ว เสื้อยืดแขนสั้นก็เปิดให้เห็นรอยเขียวบนแขนชัดเจนแม้ว่ายืนห่างออกมา
 
 
ตั้งแต่กลับมาชมรมอีกครั้ง บล็อคฟอลโลวของนิชิโนะยะก็ไม่มีที่ติ ตั้งแต่ที่ซ้อมแข่งกับคณะกรรมการเมือง ลูกตบที่ผ่านกำแพงบล็อกสามคนไม่ได้ นิชิโนะยะก็เก็บบอลขึ้นมาได้ในเสี้ยววินาทีของระยะห่างสองเซนติเมตรระหว่างบอลกับพื้น ทั้งขาและแขนก็ไถลไปบนพื้นแล้วหนุนบอลขึ้นมาส่งต่อกลายเป็นลูกเซ็ตก่อนถึงมือเขาตบลงไปอีกฝั่งของคอร์ท
 
ไม่รู้ว่าตอนที่ต้องหยุดทำกิจกรรมชมรมไปฝึกซ้อมแบบไหน ตั้งแต่ตอนที่กลับมาแล้วได้ยืนอยู่บนคอร์ทเดียวกันอีกครั้ง ก็เห็นว่าทั้งขาที่วิ่งตามลูกอย่างรวดเร็วบนคอร์ท หรือแขนที่คอยรับลูกก็เป็นรอยจ้ำเขียวแม้แต่ตรงต้นแขนที่ปลายแขนเสื้อเคยปิดไว้ หรือแม้แต่ข้อมือก็ยังเห็นเป็นรอยช้ำเลือดจางๆ
 
 
ต่อให้เป็นพื้นขัดมันของโรงยิมก็ยังเจ็บในบางครั้งที่ต้องพุ่งตัวรับลูกบนพื้น แม้จะผ่อนแรงน้ำหนักตัวแต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่แขนกับขาจะไถลไปบนพื้นเกิดเป็นแรงเสียดสี หรือในหลายครั้งที่ลูกตบแรงๆ จะพุ่งมากระแทกบนแขน
 
ในแดนหลังที่หน้าที่การสนับสนุนทีมมีลิเบอโรเป็นเสาหลัก ต่อให้ลูกตบของฝั่งตรงข้ามจะพุ่งมาแรง หรือต่อให้ลูกจากฝั่งที่ยืนอยู่จะทะลายผ่านกำแพงบล็อกไปไม่ได้ ก็จะมีนิชิโนะยะคอยพุ่งตัวไปบนพื้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ห่วงเรื่องแรงกระแทก หรือการเสียดสีบนพื้นของแขน และขา แล้วลูกบอลที่เกือบจะตกพื้นก็ลอยขึ้นมาอีกครั้ง
 
 
ค่อยๆ ก้าวเข้าไปจนประชิดที่ด้านหลัง แม้ว่ากระดุมเสื้อเชิ้ตนักเรียนจะถูกปลดออกจนเกือบหมดเตรียมจะถอดออกเปลี่ยนเป็นเสื้อดยืดสำหรับใส่ซ้อมแล้ว แต่ก็เปลี่ยนจากเดินไปที่ล็อคเกอร์ของตัวเองเป็นมาหยุดยืนที่ด้านหลังของคนที่รู้ตัวเมื่อเขาเดินมาหา
 
แขนที่ยกขึ้นยืดสุดเหนือศีรษะประสานมือออกแรงเตรียมยืดเส้นกำลังจะลดลงเมื่อหันกลับมามองหน้า แต่ก็ถูกเขาคว้าเอาไว้อย่างเบามือ พยายามสัมผัสเลี่ยงโดนส่วนที่เป็นรอยเขียวแถวกลางแขน
 
 
“อาซาฮิซัง..”
 
คนโดนคว้าแขนไว้ส่งเสียงเรียกเบาๆ
 
 
“เจ็บหรือเปล่า”
 
พอเข้ามายืนใกล้ถึงได้เห็น ไม่ใช่แค่รอยเขียวช้ำที่เห็นชัด รอยเขียวเล็กๆ ใต้ผิว หรือแม้แต่รอยแดงที่เกิดจากแรงกระแทกที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน อาจเป็นเมื่อวานที่เส้นเลือดใต้ผิวลิเบอโรของทีมได้รับบาดเจ็บจนเห็นเป็นสีช้ำ
 
 
“เจ็บแค่แป๊ปเดียวก็หาย อาซาฮิซังไม่ต้องห่วง”
 
แขนอีกข้างที่เขาไม่ได้จับไว้ยกขึ้นมาชูนิ้วโป้งบอกว่าตัวเองนั่นเข้มแข็งมากแค่ไหน
 
 
เทพพิทักษ์ที่คอยสนับสนุนทุกคนในแดนหลัง ลิเบอโรที่พึ่งพาได้ทั้งตอนที่อยู่ในและนอกสนาม หลายครั้งที่คอยกระตุ้นปลุกพลังใจให้กับทุกคนอยู่เสมอ แม้แต่เขา ตอนที่เกือบจะหมดกำลังใจที่จะตบลูกอีกครั้ง คำพูดที่เปล่งออกมาเสียงดังให้ร้องขอลูกเซ็ตอีกครั้ง ก็ทำให้เขาสามารถฝ่ากำแพงสูงที่เคยเป็นแผลในใจได้
 
 
“ชั้นจะไม่หนี ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ อีกแล้ว”
 
เป็นคำพูดที่ยังไม่เคยพูดออกมาตรงๆ นอกจากพูดอ้อมไปว่ายังอยากตบทำแต้มอีกครั้ง ก็เป็นครั้งแรกที่ได้บอกกับคนที่เคยมีปากเสียงกัน คนที่เคยกระชากคอเสื้อแล้วผลักเขา ตะโกนบอกว่าอย่ายอมแพ้เอาเองตามใจชอบ
 
 
“ต้องอย่างนี้สิ อาซาฮิซัง”
 
คนตัวเล็กหันมายิ้มให้เหมือนตอนอยู่ในคอร์ทที่ได้กลับมาเล่นด้วยกันอีกครั้ง รอยยิ้มและคำพูดที่พาเขากลับมายืนหน้าเน็ตอีกครั้งด้วยความพยายามของคนที่แม้แต่ตอนถูกสั่งห้ามทำกิจกรรมชมรมยังไปฝึกซ้อมอย่างหนัก รอยช้ำที่อยู่บนแขนถึงมีแต่เพิ่มขึ้นทุกครั้งที่ได้เจอ ถ้าอยากจะช่วยให้รอยแผลช้ำที่แขนนี้บรรเทาความเจ็บ ทำแบบนี้จะช่วยได้หรือเปล่า
 
 
เป็นใบหน้าที่ก้มลงไปหาแขนเล็กที่เขาจับไว้ แล้วริมฝีปากก็กดลงช้าๆ บนกลางแขนตรงรอยเขียวช้ำที่เคยโดนแรงกระแทก ถ้ากดสัมผัสลงไปมากอาจทำให้เจ็บ เลยทำแค่เพียงแตะริมฝีปากลงเบาๆ แล้วหยุดค้างไว้ระหว่างที่ปล่อยให้ลมหายใจยังคงเข้าออกเป็นปกติ เป่ารดโดนแขนที่ใกล้กับรอยช้ำ
 
อยากให้แทนทั้งคำขอบคุณ และขอโทษ ให้สัมผัสของเขาช่วยแผลช้ำที่แขนหายเร็ว ต่อให้ไม่อยากเห็นแขนเล็กๆ ต้องมีรอยช้ำเป็นจ้ำไปทั้งแขน แต่เพราะนิชิโนะยะเป็นนักกีฬาวอลเล่ย์เหมือนกับเขา และเป็นคนที่ต้องคอยรับลูกมากกว่าใคร ทั้งลูกที่ลอยมาสูง หรือพุ่งตกพื้น ลิเบอโรคนนึ้ก็ไม่เคยห่วงถ้าหากต้องกระแทกแขนหรือขาลงไปบนพื้นให้ลูกลอยสูงขึ้นมาได้อีก ถ้าทุกครั้งที่หนุนลูกขึ้นมาได้จะต้องมีรอยช้ำเพิ่มอีกหนึ่งหรือสองรอย คนๆ นี้ก็คงไม่กลัวที่จะเจ็บ
 
ลากริมฝีปากขึ้นมาถึงต้นแขน เน้นย้ำกดสัมผัสในส่วนที่ไม่เป็นรอยเขียวจนหากเป็นเนื้ออ่อนแถวต้นคออาจเกิดเป็นรอยน่าสงสัย แต่เพราะอยู่ตรงแขนจึงพอจะกลมกลืนไปกับรอยช้ำเดิม ริมฝีปากกดลงหนักแล้วแผ่วลงในจุดที่เป็นรอยบาดเจ็บของเส้นเลือด อยากให้จูบสัมผัสช่วยรักษาแต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าเจ้าของรอยจะเจ็บ
 
 
ยังคงไล้สัมผัสไปตามต้นแขนทั้งจูบซ้ำและหยุดค้างไว้ตรงที่เป็นรอย กดจมูกลงใกล้กับปลายแขนเสื้อสูดหายใจและยิ่งจูบรั้งให้แขนเสื้อเปิดสูงขึ้น นอกจากรอยช้ำที่เห็นแล้ว ตรงต้นแขนที่แขนเสื้อเคยปิดไว้ยังเห็นเป็นรอยแดงช้ำจนน่าตกใจ
 
ริมฝีปากแตะลงเบาๆ อีกครั้ง ใกล้กับรอยแดงที่เห็นว่าน่าจะเจ็บ เหมือนแขนผอมที่เขาจับไว้จะกระตุกทำท่าจะชักกลับ ทั้งตกใจแต่ก็ไม่อยากปล่อยมือที่จับเอาไว้ จูบที่กดลงจึงค่อยๆ ผ่อนสัมผัสและเป็นเพียงริมฝีปากที่ไล้วนอยู่ซ้ำๆ แทน
 
 
“ไม่เจ็บใช่มั้ย”
 
ถามทั้งที่ยังไม่เลิกจูบลงบนต้นแขน จนแรงเกร็งที่แขนเริ่มผ่อนลง จากที่เพียงแค่ไล้จมูกและริมฝีปาก คราวนี้จึงเริ่มเป็นจูบย้ำหนักขึ้นตรงรอยช้ำที่เพิ่งเป็นสีคล้ำแดง
 
 
“ฮะฮื้อ..”
 
เป็นเสียงตอบแปลกๆ ของนิชิโนะยะที่ไม่รู้ว่าไม่เจ็บหรือเจ็บ แต่เท่าที่เห็นตอนนี้คือเจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้าจนมองไม่เห็นว่ากำลังทำหน้าแบบไหน ถ้าหากว่าเจ็บอาจกำลังฝืนบอกว่าไม่เจ็บอยู่ก็ได้
 
 
จากที่จับแขนนิชิโนะยะยกขึ้นไว้อยู่เลยเปลี่ยนเป็นค่อยๆ ประคองให้ลดแขนต่ำลงมาระหว่างที่ก็ยังไม่เลิกจูบวนเวียนอยู่แถวต้นแขน เคลื่อนใบหน้าไปใกล้จนพอมองเห็นได้ว่าหน้าที่ก้มอยู่นั้นกำลังเม้มปากทั้งที่หลับตา ถ้าหากทำให้เจ็บ เขาก็ควรหยุด
 
 
“จะ..เจ็บเหรอ”
 
เสี่ยงสั่นเพราะตกใจที่อยากช่วยให้หายกลับทำให้ยิ่งเจ็บ แต่ระหว่างที่กำลังจะปล่อยมือจากแขนนิชิโนะยะก็รีบส่ายหน้า
 
 
“ไม่เจ็บ!!”
 
มือเล็กอีกข้างยกขึ้นมาจับมือเขาที่กำลังจะปล่อยไว้แน่น หน้าที่เมื่อกี้ยังก้มอยู่เงยขึ้นมามองเขาตรงๆ ระหว่างที่ริมฝีปากถูกเม้มเป็นเส้นตรงอยู่พักหนึ่งกว่าจะพูด
 
“อาซาฮิซัง ทำต่อ”
 
 
แล้วความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาแว้บหนึ่งคือหัวใจเต้นโครมรัวขึ้นมาตอนที่กลืนน้ำลายเหนียวลงคอไปพร้อมกับความรู้สึกที่อยากจะเปลี่ยนจากจูบที่รอยช้ำบนแขน เป็นจูบลงบนริมฝีปาก
 
 
 

– E N D –

 
 
 

x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x

 
เขียนส่งหัวข้อ “บาดเจ็บ” ของ HQWeekly ค่ะ
อยากเขียนเกี่ยวกับรอยช้ำของโนะยะซังมานานแล้วค่ะ =///q///=)
รู้สึกว่าโนะยะซังที่มีรอยช้ำที่แขนกับขาเต็มไปหมดเลยนี่อยากจะจิ้มๆ ตรงรอยช้ำจังเลยน้า~
เลยให้อาซาฮิซังมาจิ้มด้วยปากแทนค่ะ (ฮาาา) เขามาช่วยรักษาต่างหาก
 
เห็นโนะยะซังต้องไถลตัวไปบนพื้นบ่อยเลยคิดว่าน่าจะต้องเจ็บสุดในทีมแน่เลยค่ะ
ต่อให้ใช้ทักษะการยืดหยุ่นตัวหรือผ่อนแรงไม่ให้กระแทกพื้นแรงๆ
แต่ตอนไถลพื้นยังไงก็ต้องเจ็บอยู่ดี ;__;)
แล้วก็เลยขอพ่วงเกี่ยวกับความรู้สึกของอาซาฮิซัง
ที่เชื่อว่าอยากจะขอบคุณ แล้วก็ขอโทษโนะยะซังอยู่ลึกๆ แน่ค่ะ
 
ความจริงอยากเขียนเรื่องของสองคนนี้เป็นเรื่องยาวด้วยตอนช่วงที่ทั้งสองคนไม่ได้เข้าชมรม
ถ้าพอมีเวลาหรือว่าไม่ขี้เกียจก็อยากลองเขียนดูค่ะ XD

3 comments

  1. จชพทำให้จซรู้สึกอยากออกบินค่ะ ไม่ไหวแล้ว ฮีลกันด้วยริมฝีปาก โอยยยยยยยยย โอยยยยยยยยยยย ////////////////// โนยะซังในท้ายที่สุดก็พูดออกมาจนได้ว่าให้ทำต่อ ระวังนะคะ เส้นศีลธรรมเอซจะขาดสะบั้นก็เพราะแบบนี้แหละ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    Like

Thank you for your comment ♥