[Fic Attack on Titan] Uncontrollable #8 (Eren x Levi)


Title: Uncontrollable
Chapter 8 : โจมตี
Author: Yaoyuay
Fandom: Attack on Titan
Pairing: Eren Yeager x Levi
Rating: PG-13
Warning: Yaoi
 
 
 
 
ไม่มีความเมตตาหลงเหลืออยู่ในดวงตาวาวแสงสีเขียวของสิ่งมีชีวิตร่างยักษ์ที่กำลังเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตร่วมเผ่าพันธุ์ เสียงคำรามแผดดังซ้ำๆ ทุกครั้งแม้ว่าร่างนั้นจะโดนโจมตีกัดแทะผิวเนื้อที่ห่อหุ้มร่างเอาไว้ หรือยามที่ร่างนั้นพุ่งกระแทกเข้ากับศัตรูที่พุ่งโจมตี แม้จะบาดเจ็บหรือได้รับชัยชนะจากการใช้สองมือบีบลำคอของร่างที่ถูกกดทับอยู่เบื้องล่าง จนศีรษะหลุดออกจากจุดเชื่อมต่อตรงไหล่ เมื่อลำคอและท้ายทอยถูกบดขยี้ด้วยแรงบีบของสองมือที่กำรวบลำคอจนเนื้อป่นปี้ ร่างนั้นก็ยังคงแผดเสียงร้องคำรามไม่หยุด
 
ไม่จำเป็นที่สองขาจะต้องพาร่างกายที่เปื้อนเปรอะไปด้วยลิ่มเลือดให้ออกวิ่งอย่างครั้งก่อน เมื่อการจู่โจมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องรอบตัว ร่างไททันของเอเลนที่คล้ายกับคุ้มคลั่งไม่แม้แต่จะหลบหลีก หรือยกแขนขาขึ้นปัดป้องการโจมตี แม้ว่าผิวหนังจะถูกกัดขาดออกจนเห็นโครงกระดูกภายใน หรือมือข้างหนึ่งจะห้อยขาดรุ่งริ่งรอให้ร่างกายฟื้นฟูตัวเอง ก็ยังไม่แสดงอาการของความเจ็บปวด สิ่งเดียวที่ร่างไร้สตินั้นทำคือ ฉีกศีรษะให้หลุดจากร่างที่เคยมีชีวิต ทำลายตรงส่วนท้ายทอยจนกลายเป็นเพียงความร้อนที่ระอุอยู่ในอากาศ
 
ไม่มีความเป็นมนุษย์หลงเหลืออยู่แล้วในร่างของไททันที่เปลี่ยนแปลงมาจากร่างของทหารหน่วยสำรวจในความควบคุมของเขา ความคุ้มคลั่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้แตกต่างจากครั้งก่อนอย่างชัดเจน ความดุร้าย และความกระหายในการฆ่าฟันถูกส่งผ่านออกมาพร้อมกับทุกครั้งที่เหวี่ยงร่างไททันตัวอื่นออกไป หรือแม้แต่ในหลายครั้งที่การโจมตีไม่ได้สิ้นสุดอยู่แค่ท้ายทอย แม้แต่ศีรษะหรือลำตัวที่แยกออกจากกันแล้วยังโดนเหยียบกระทืบจนแหลกออกเป็นชิ้น
 
 
…ไม่ได้การ…
 
 
ใบมีดดาบถูกติดล็อคเข้ากับด้ามจับที่สองมือกำไว้แน่น ในช่องเก็บใบมีดว่างเปล่าไม่มีวัตถุที่ถูกลับคมมาอย่างดีเหลืออยู่อีก ไม่คิดว่าเวลาที่จะต้องใช้คมดาบนี้จะมาถึงเร็วกว่าที่คาด ทั้งที่ยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดของการสูญเสียความเป็นตัวเอง ในเวลาเพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่เด็กนั่นยังนั่งฟังคำสั่งของเขา ทั้งที่ก่อนหน้าเขาจะมาถึงก็ได้ฆ่าไททันเป็นจำนวนมาก ขีดจำกัดของร่างไททันเอเลนคืออะไร ทุกครั้งที่เหวี่ยงหมัดด้วยร่างกายที่ใหญ่โตนั้นเด็กนั่นกำลังคิดอะไร ทุกครั้งที่ได้ดับชีวิตของสิ่งที่พรากอิสระไปจากมนุษย์ที่อ่อนแอจำต้องถูกกักขังอยู่ในกรงที่เรียกว่ากำแพง ทุกครั้งที่ภาพใบหน้าของแม่ปรากฎซ้อนทับขึ้นมาก่อนจะดับชีวิตของสิ่งที่พรากลมหายใจสุดท้ายนั้นไปเด็กนั่นรู้สึกยังไง
 
บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เขามองข้ามไป สำคัญกว่าการที่พวกเขาเอาแต่คิดหาข้อสรุปเอาเองจากการสังเกต คือต้องดึงตัวเอเลนออกมา การพูดคุยจะเกิดขึ้นทันทีหลังจากกลับไปถึงห้องพัก แต่นั่นหมายถึงว่าเขาต้องจัดการกับร่างไททันที่กำลังฟาดหมัดใส่ทุกอย่างที่อยู่รอบตัว ทั้งมีชีวิต และเคยมีชีวิต
 
 
 
 
รีไวล์กระโดดทิ้งตัวลงจากกิ่งไม้ใหญ่ทั้งที่ไม่พึ่งพาแรงส่งจากอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ หรือลวดสลิงช่วยประคองการเคลื่อนไหว จนกระทั่งร่างที่หล่นลงใกล้กระแทกพื้นด้วยแรงดึงดูดของพื้นโลก ฉมวกปลายแหลมจึงถูกยิงออกไปปักบนลำต้นไม้ที่อยู่ใกล้กับการต่อสู้ระหว่างไททันมากที่สุด ร่างเล็กพุ่งไปด้วยความเร็วจากแรงขับเคลื่อนของก๊าซพาร่างของเขาไปห้อยตัวอยู่ด้านหลัง ในมุมบอดของสายตาสิ่งมีชีวิตที่เรียกได้ว่าเกือบอาละวาดจะไม่สังเกตเห็น
 
ความเสี่ยงเกิดขึ้นจากใบมีดดาบที่เหลือเพียงคู่เดียว และคล้ายกับโอกาสที่เขาได้พุ่งโจมตีเพื่อเปิดเผยการมีตัวตนจะมีเพียงครั้งเดียวก่อนที่การโจมตีอาจพุ่งเป้ามาที่เขา ไม่เพียงแค่จากไททันเอเลนเท่านั้น แต่กับไททันตัวอื่น ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้ว่าพวกมันจะไม่เห็นว่าเนื้อมนุษย์จะรสชาติดีไปกว่าเนื้อของพวกไททันด้วยกันเอง โจมตีเข้าด้านหลัง ฟันลงที่ท้ายทอย กดใบมีดให้ลึกลงไปสุดแรงมากพอที่จะเปิดเนื้อออกให้เห็นร่างมนุษย์ที่อยู่ในนั้น ลืมเรื่องความเสี่ยงที่อาจทำให้ร่างภายในบาดเจ็บ หรือโดนจุดตาย สิ่งเดียวที่ทำได้คือหวังให้พลังฟื้นฟูของเอเลนจะมากพอที่จะรักษาบาดแผลจากคมดาบที่อาจกดลึกลงไปมากกว่าแค่เนื้อของร่างไททัน
 
รีไวล์พ่นลมหายใจก่อนจะดีดตัวออกจากต้นไม้ด้วยแรงส่งของก๊าซตามแนวลวดสลิงที่พุ่งไปปักบนหลังของไททันตัวอื่น เสียคมแรกของใบมีดไปกับการจู่โจมของไททันอื่นที่พุ่งเข้ามาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เฉือนเนื้อบริเวณท้ายทอยเปิดออกอย่างประณีตเพื่อป้องกันการหักบิ่นของใบมีดมากที่สุด ขณะเหลือบสายตามองร่างที่สูงใหญ่ ไททันเอเลนยังคงสนใจแต่เพียงฆ่าไททันตัวอื่น ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเพื่อเปลี่ยนเป้าหมายแม้ว่าเขาจะเข้าใกล้มากในระยะที่เกือบจะพุ่งตัวเข้าไปที่ท้ายทอย
 
แต่ถึงอย่างนั้นการถูกไททันตัวอื่นพุ่งจู่โจมเข้ามายิ่งทำให้เขายากที่จะเลี่ยงการต่อสู้ ท้ายทอยของไททันนับสิบที่ถูกเฉือนเปิดออกด้วยคมดาบในมือ หยดเลือดสาดเปื้อนข้อมือ ต้นแขน และใบหน้าโดยไม่มีเวลาแม้แต่จะได้เช็ดปาดออก แม้เพียงไม่นานลิ่มเลือดสีแดงเข้มนั้นจะระเหยไปพร้อมกับต้นร่างที่ถูกเปิดเนื้อจนเลือดกระเซ็นออกมา แต่คนรักความสะอาดเป็นที่สุดแบบเขาก็รู้สึกหงุดหงิดใจลึกๆ แม้จะไม่ใช่เวลาที่จะมามัวใส่ใจ ก้มมองฝ่ามือที่ถูกย้อมด้วยเลือดสกปรกจนแดงฉาด ด้ามดาบที่กำอยู่เริ่มลื่นคล้ายกระชับไม่อยู่มือจากของเหลวที่กระเด็นมาเปื้อน ทำได้เพียงสบถเป็นเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนรีไวล์จะตัดสินใจพุ่งตัวออกไปอีกครั้ง เป้าหมายคือท้ายทอยของร่างไททันเอเลนที่เปิดโล่งอยู่
 
เหมือนเป็นจังหวะที่เปิดรอให้เขาพุ่งตัวเข้าไปเพื่อดึงร่างภายในออกมา ระหว่างที่ไททันเอเลนยังนั่งทับอยู่บนร่างไททันตัวอื่น และกระแทกหมัดลงบนหลังคออย่างโหดเหี้ยม ท้ายทอยจึงเป็นจุดที่ยังไร้การป้องกันตราบใดที่สองหมัดยังคงอัดกระแทกซ้ำๆ อยู่บนร่างที่ไร้การดิ้นรนเพื่อรอดชีวิต
 
 
 
จะว่าเขาคิดผิดก็คงใช่ ไม่มีทางหากว่าร่างที่คล้ายกับอาละวาดนั้นจะยกมือขึ้นมาฟาดตะปบที่หลังคอหากไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะพุ่งเข้าโจมตี ความเจ็บปวดเกิดขึ้นที่ข้อเท้าไล่ขึ้นไปถึงต้นขาในจังหวะที่เขาดีดตัวหลบได้ทันอย่างหวุดหวิดก่อนจะโดนฝ่ามือใหญ่ยักษ์นั้นตบลงมาให้แหลกเป็นชิ้นเนื้ออาบเลือด แต่เพียงแค่ปลายนิ้วที่ตบลงมาในจังหวะที่เขายังดีดขาไม่พ้น ก็คล้ายกับทำให้ขาข้างนั้นแทบจะใช้การไม่ได้ในขณะที่ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาตอนที่พุ่งตัวหนี
 
 
…เกือบไป…
 
 
เจ็บใจตัวเองที่ปล่อยให้ความประมาทรวมตัวกันเป็นความชะล่าใจจนเกิดช่องว่างให้โดนโจมตี รวมถึงความเร็วของไททันเอเลนที่ทำให้เขาเกือบหลบไม่พ้น หากจังหวะในการดีดตัวหนีช้ากว่านี้เพียงเสี้ยววินาทีของปลายฉมวกที่ถูกยิงออกไป คงไม่ใช่เพียงแค่ขาของเขา แม้แต่ส่วนอื่นๆ อาจไม่เหลือรวมกันเป็นร่างกาย
 
สถานการณ์เลวร้ายที่สุดเกิดทันทีที่ไททันเอเลนเปลี่ยนเป้าหมายจากพวกไททันตัวอื่นเป็นไล่ล่าเขา เมื่อรู้ว่าศัตรูที่ร้ายกาจกว่าพุ่งเข้ามากัดฉีกเนื้อคือพุ่งเข้าใส่ที่หลังคอตรงจุดตาย ร่างนั้นก็ลุกขึ้นวิ่งตามพร้อมจะฟาดแขนมาอัดกระแทกเขากับต้นไม้ทันทีที่ไล่ทัน
 
รีไวล์ไม่สามารถเร่งความเร็วได้อย่างที่อยากให้ร่างพุ่งไปข้างหน้าเหมือนทุกครั้งที่เขาเคลื่อนที่ด้วยอุปกรณ์สามมิติ เมื่อทุกครั้งที่ถีบตัวกับต้นไม้ ความเจ็บปวดจากข้อเท้าแล่นปราดขึ้นมาตามขาข้างขวา ถ้าความเจ็บปวดไม่ได้เล่นตลก บางทีกระดูกขาตรงข้อเท้าอาจแหลกไปแล้ว แต่สิ่งที่เขาฝึกมาเกือบทั้งชีวิตคือความอดทน เพียงแค่ความเจ็บปวดที่แค่กัดฟันข่มเสียงร้อง สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือพาร่างของเอเลนออกมาให้ได้
 
รีไวล์ถีบตัวอีกครั้งพร้อมความเจ็บปวดที่ขาขวา พุ่งร่างขึ้นไปบนกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่สูงขึ้นไป ตั้งใจเปิดฉากโจมตีจากความสูงอีกครั้ง จังหวะเดียวที่เขาจะได้เปิดท้ายทอยดึงร่างเอเลนออกมา กระชับด้ามดาบในมือแน่น หลังจากหยดเลือดสกปรกระเหยไปหมดแล้ว โอกาสสุดท้ายที่หากเขาทำพลาดคือความตาย และความหวังของมนุษยชาติก็จะหายไปตลอดกาล
 
 
 
 
กัดฟันกลืนเสียงของความเจ็บปวดลงคอหลังจากดีดตัวพุ่งร่างผ่านอากาศลงไปอีกครั้ง ยิงปลายฉมวกปักลงบนไหล่ของร่างไททันเอเลน เอี้ยวตัวหลบได้ทันก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จฟาดตบลงมา ดีดตัวอีกครั้งเพื่ออ้อมไปด้านหน้าประสานกับสายตาสีเขียววาวแสงที่ไร้ความปราณี ล่อหลอกให้ร่างยักษ์นั้นเอื้อมมือมาด้านหน้าเพื่อคว้าตัวเขา เป็นจังหวะดีให้ได้สไลด์ใบมีดไปตามความยาวของแขน คมมีดพาร่างให้พุ่งขึ้นไปจนถึงหัวไหล่ หักมุมหลบเลี้ยวมาที่ด้านหลังคอ อาศัยจังหวะที่ร่างนี้ยังร้องคำรามทุรนทุรายกับความเจ็บปวดปักใบมีดลงในหลังคอลึกพอที่จะแทงเฉียดร่างที่อยู่ด้านใน
 
ฝ่ามือใหญ่ยักษ์ข้างที่ไม่โดนใบมีดกรีดจนเป็นแผลยาวตบลงมาในจังหวะที่เขายังไม่ทันได้เฉือนเนื้อเปิดออกจนสุด รีไวล์ทิ้งร่างหลบลงพร้อมกับปักดาบไว้กลางหลังห้อยตัวอยู่กับแผ่นหลังของร่างที่ไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้ทายทอยนานเกินกว่าจะทำให้เขาดึงร่างที่อยู่ภายในออกมาได้
 
ลำบากกว่าที่คิด แม้ว่าจะเริ่มมีไททันตัวอื่นพุ่งออกมาโจมตีกัดฉีกเนื้อที่สองขา แต่ร่างไททันที่อาละวาดกลับไม่แม้แต่จะสนใจความเจ็บปวดที่เหมือนจะเล็กน้อยนั้น มือข้างที่ไม่บาดเจ็บยังงกุมปิดที่ท้ายทอย และเมื่อแขนข้างที่โดนเขาสร้างบาดแผลไว้หายดีด้วยพลังในการฟื้นฟู ก็ยกขึ้นมาปิดที่ท้ายทอยซ้อนทับกันทั้งสองข้าง
 
จะเป็นการป้องกันที่สมบูรณ์แบบ หากไททันเอเลนมีความสามารถทำให้ผิวหนังแข็งได้เหมือนกับไททันหญิง เพียงแต่ขณะที่เขายังห้อยตัวอยู่กับแผ่นหลังอยู่นี้ และตอนที่ไททันเอเลนเอื้อมมือข้างหนึ่งคว้าสะเปะสะปะมาที่ด้านหลังก็เป็นการเปิดโอกาสให้เขาได้โจมตีท้ายทอยอีกครั้ง
 
รีไวล์ยิงปลายฉมวกแหลมปักบริเวณไหล่ที่เคยเหยียบเมื่อไม่กี่วินาทีก่อน ดีดตัวด้วยขาข้างที่ยังใช้การได้พุ่งร่างขึ้นไปบริเวณท้ายทอยอีกครั้ง ภาวนาไม่ให้ใบมีดในมือสองข้างนี้ทื่อเกินกว่าจะตัดผ่านผิวหนังที่ฝ่ามือจนทะลุไปถึงภายใต้ท้ายทอยได้
 
ฝ่ามือใหญ่ที่เคยปกปิดส่วนที่ไม่แม้แต่จะยอมให้ปลายดาบได้เฉียดผ่าน กลับถูกคมดาบนั้นฟันออกแหลกเป็นชิ้นเนื้อพร้อมกับที่แขนข้างนั้นหล่นร่วงลงข้างตัวเมื่อฝ่ามือถูกตัดขาดออก ร่างที่สร้างความเสียหายนั้นเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วเกินกว่าที่ร่างกายจะฟื้นฟูได้ทัน หรือแม้แต่มืออีกข้างจะทันได้ยกขึ้นมาตบลงที่ท้ายทอย คมดาบก็ฟันเฉือนเนื้อเปิดออกลึกจนเห็นร่างที่อยู่ภายใน ร่างนั้นเกือบจะจมมิดลงไปในกล้ามเนื้อที่เชื่อมต่อร่างกายไว้ บัดนี้แทบจะถูกหล่อหลอมเป็นส่วนเดียวกัน
 
ไม่ง่ายที่จะฟันคมดาบลงไปโดยหลีกเลี่ยงที่จะโดนร่างเนื้อของเอเลนที่อยู่ภายใน และยากที่จะดึงร่างนั้นออกมาจากกล้ามเนื้อที่เกือบจะเชื่อมต่อกัน รีไวล์ออกแรงดึงร่างของเอเลน พร้อมกับข่มความเจ็บปวดที่ข้อเท้าขวาไว้ภายในลำคอ ยิ่งต้องออกแรงดึงมากเท่าไหร่ยิ่งต้องใช้แรงกดที่ข้อเท้ามากขึ้นตามไป แต่เสียงคำรามของพวกไททันตัวอื่นดูคล้ายกับพวกมันรับรู้ว่าร่างของไททันที่พวกมันโจมตีอยู่ก่อนหน้านี้พ่ายแพ้ และในจังหวะที่ร่างไททันเอเลนกำลังล้มลง และเขากำลังจะร่วงลงสู่พื้นพร้อมกับถูกโจมตีจากไททันตัวอื่น ร่างของเอเลนก็หลุดออกมาพร้อมกับที่เขารีบยิงปลายฉมวกออกไป ลวดสลิงพาร่างของเขา และเอเลนพุ่งสูงขึ้นไปได้ทันก่อนที่จะถูกโจมตี
 
 
 
 
 
 
 
สิ่งแรกที่เห็นหลังจากปรับสายตาให้เป็นปกติได้แล้ว คือหัวหน้ารีไวล์นั่งพิงต้นไม้อยู่ตรงข้าม บนความสูงที่อยู่เหนือพื้นดินขึ้นมากว่ายี่สิบเมตร กิ่งไม้ของต้นไม้ยักษ์ถูกใช้เป็นที่หลบภัยจากพวกไททันที่ยังคงยืนล้อมอยู่ด้านล่าง พยายามใช้ความสามารถในการปีนป่ายที่คล้ายกับไม่มีปีนขึ้นมาด้านบน หัวหน้าดูเหนื่อยหอบแม้ว่าจะเห็นเหงื่อเกาะอยู่ตามใบหน้าแค่เล็กน้อย แต่ที่ลำคอกลับมีเหงื่อชื้นไหลลงมาเป็นทางจากโคนผมตัดสั้น ผ้าผูกคอที่เคยผูกอยู่ตรงคอเสื้อถูกปลดออกคล้องคอเอาไว้ และเสื้อคลุมของหน่วยสำรวจก็ถูกถอดพาดไว้ที่ขา
 
หัวหน้ารีไวล์ดูเหนื่อยกว่าทุกที ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นมาเกิดอะไรขึ้น สิ่งเดียวที่จำได้คือเขาฆ่าไททันจำนวนมากหลังจากที่หัวหน้ารีไวล์มาถึง และเริ่มฝึกต่อ แต่หลังจากที่รู้สึกว่าสามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้คล่องแคล่วกว่าปกติ เพียงไม่นานภาพที่มองเห็นก็มืดไป แสงสว่างที่กลับมาอีกครั้งตอนลืมตาคือภาพของหัวหน้ารีไวล์ที่นั่งอยู่ห่างออกไป
 
 
“หัวหน้าครับ”
 
เอเลนส่งเสียงเรียกเบาๆ ไม่หวังจะให้คนที่นั่งอยู่ห่างออกไปได้ยิน แต่ถึงอย่างนั้นร่างที่เหนื่อยหอบอยู่กลับเงยหน้าขึ้นมองมา ทำให้เขาต้องพูดต่ออย่างเลี่ยงไม่ได้
 
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
 
 
“แกจัดการกับพวกไททันจนหมดสติไป”
 
 
ถ้าเขาจำไม่ผิด เหมือนหัวหน้าเคยพูดประโยคนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เหตุการณ์คล้ายกันแบบนี้เคยเกิดขึ้นในการฝึกเมื่อวาน ระหว่างที่ฆ่าพวกไททันภาพก็ดำมืดไป และรู้สึกตัวอีกทีคือตอนที่หัวหน้ารีไวล์เรียกชื่อเขาดังลั่น
 
“ผมหมดสติระหว่างการฝึกอีกแล้วเหรอครับ”
 
สองครั้งติดต่อกันแล้วที่เขาหมดสติไปก่อนจะทันได้ฆ่าพวกไททันที่เข้ามาโจมตีจนหมด แม้จะแปลงเป็นไททันได้อย่างที่ต้องการแล้ว แต่เขากลับไม่สามารถรักษาสภาพของการแปลงร่างได้นานเท่าที่ตั้งใจ แบบนี้เท่ากับการฝึกยังไม่คืบหน้าเลยสักนิด
 
 
“อย่าเพิ่งกังวล เราจะคุยเรื่องนี้กันหลังจากกลับที่พักแล้ว”
 
 
อาจจะดูเหนือความจริงเกินไปหากจะคิดว่าหัวหน้ารีไวล์อ่านความรู้สึกของเขาได้ ความกังวลของเขาคงเห็นได้ชัดเกินไปทางสีหน้าขนาดที่ทำให้หัวหน้ารีไวล์เป็นคนสรุปบทสนทนาทั้งหมดทำให้ความเงียบเกิดขึ้นตามมาอย่างตั้งใจ
 
เวลาผ่านไปนานอย่างที่เขาไม่กล้าเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาต่อ ขณะที่หัวหน้ารีไวล์ยังนั่งอยู่ที่เดิม เหมือนจะหายใจหอบมากขึ้นทั้งที่ไม่ได้ออกแรง เหงื่อชิ้นเริ่มรวมตัวกันจนไหลหยดลงมาตามปลายคาง และทุกครั้งที่หัวหน้าเหมือนจะขยับตัว ริมฝีปากนั้นก็เม้มแน่นจนเหมือนกับกดฟันลงไป
 
“หัวหน้าครับ…”
 
ไม่สามารถทำได้เพียงแค่นั่งเฉยๆ มองดูคนที่อยู่ห่างออกไปได้ เอเลนยันตัวลุกขึ้นทรงตัวบนกิ่งไม้ใหญ่ บังคับตัวเองไม่ให้เสียการตรงตัวหลังจากเพิ่งฟื้นสติขึ้นมา สองขาก้าวเข้าไปหาช้าๆ ภาวนาไม่ให้คนที่เป็นหัวหน้าไล่เขาให้ออกห่าง
 
“หัวหน้า…เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
 
เข้ามาใกล้มากในระยะที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของคนที่ยังคงก้มหน้านิ่ง เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลหยดลงบนแขนของเขาที่เผลอเอื้อมมือออกไปจนเกือบจะสัมผัสบนไหล่ของคนที่รีบปัดมือเขาออกอย่างรวดเร็ว
 
 
“ใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติของชั้น แล้วรีบกลับไป”
 
 
“เอ๋…ทำไมหล่ะครับ?”
 
แทนที่จะได้รับคำตอบ คำสั่งของหัวหน้ารีไวล์กลับยิ่งทำให้เขาสงสัยในสถานการณ์ตอนนี้
 
“ทำไมหัวหน้าไม่กลับไปด้วยกัน”
 
 
ไม่ได้รับคำตอบของคำถามขณะที่รีไวล์ปลดอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติออกวางไว้ตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่หัวหน้าสบตากับเขาตั้งแต่ฟื้นสติ ดวงตาหรี่เล็กนั้นมีความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดสะท้อนอยู่
 
“นี่เป็นคำสั่งเอเลน รีบกลับไปซะ!
 
 
ไม่ครับ!! ถ้าหัวหน้าไม่ตอบผมว่าทำไมไม่กลับไปด้วยกัน ผมก็ไม่กลับครับ”
 
อาจเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เข้ามาหน่วยสำรวจ และอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของหัวหน้ารีไวล์ที่เขาขัดคำสั่งของหัวหน้าไม่พอ กลับตะหวาดลั่นยืนยันการขัดคำสั่งอย่างชัดเจน ต่อให้จะถูกผลัก หรือเตะจนร่วงลงไปให้พวกไททันที่อยู่ข้างล่างกิน เขาก็ต้องให้หัวหน้ากลับไปพร้อมกัน
 
 
เหมือนหัวหน้าจะถอนหายใจออกมาเบาๆ หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง
 
“ชั้นโดนไททันตัวอื่นโจมตีตอนดึงตัวแกออกมาจากร่างไททัน บางทีกระดูกข้อเท้าอาจแหลกไปแล้ว”
 
 
เหมือนสิ่งที่แหลกไปพร้อมกับกระดูกข้อเท้าคือหัวใจที่เต้นอยู่จนถึงก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะยังมองเห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน แต่คล้ายกับประสาทหูไม่ทำหน้าที่ของมันอีกต่อไป หัวหน้ารีไวล์ยังคงพูดบางอย่างต่อไป แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขาคือทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่แค่อาการบาดเจ็บของหัวหน้า ไม่อาจขยับเคลื่อนไหวร่างกาย หรือแม้แต่จะเอ่ยปากพูด กลไกลในร่างกายพังลงทีที่รับรู้ว่าคนตรงหน้าบาดเจ็บ
 
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขาได้แต่เห็นภาพของหัวหน้ารีไวล์ขยับปากพูดบางอย่างทั้งที่ยังคงมีเหงื่อไหลโทรมอยู่ทั่วใบหน้า และเหมือนกับจะเห็นหัวหน้ากำมือแน่นจนสั่นอยู่ตรงหน้าขาคล้ายกับฝืนข่มความเจ็บปวดไว้ กว่าที่หูจะกลับมาได้ยินเสียงอีกครั้งก็เป็นตอนที่หัวหน้าเรียกชื่อเขาอยู่ซ้ำๆ
 
“…เลน… ฟังชั้นอยู่หรือเปล่า เอเลน!
 
 
“คะ..ครับ”
 
เริ่มกระพริบตา และเคลื่อนไหวร่างกายได้ปกติเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ยังไม่กลับมาเป็นปกติคือหน้าอกด้านซ้ายยังคงไม่สามาถสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจ อาการบาดเจ็บของหัวหน้าทำให้เขาช็อคมาก
 
 
“ใส่อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติซะ”
 
 
หัวหน้ายังคงไล่ให้เขากลับไปคนเดียวอีกแล้ว ต่อให้ตกใจมากแค้ไหนที่หัวหน้าบาดเจ็บ เขาก็ไม่มีทางยอมทำตามคำสั่งที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้
 
“ไม่ครับ! ถ้าหัวหน้าจะให้ผมกลับไปคนเดียวแล้วทิ้งให้หัวหน้าอยู่ที่นี่ ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
 
 
“นายกำลังขัดคำสั่งของผู้บังคับบัญชา”
 
 
“ต่อให้หัวหน้าจะเตะผมอีกกี่รอบผมก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นครับ!!”
 
 
ดวงตาเล็กนั้นหรี่ลงเหมือนทุกครั้งที่ไม่พอใจอีกแล้ว ถ้าหัวหน้าจะเตะเขาจริงๆ แค่กระดูกข้อเท้าแหลกอาจไม่เป็นปัญหาให้ขาอีกข้างยังฟาดมาได้ แต่กลับเป็นเสียงลมหายใจที่ถูกพ่นออกมาแทน วันนี้เขาทำให้หัวหน้าถอนหายใจกี่ครั้งแล้วนะ ถ้ายังมีครั้งต่อไปอีกบางทีเขาอาจไม่รอดพ้นฝ่าเท้าหนักๆ นั้นแล้วก็ได้
 
“ตั้งสติหน่อยเอเลน ชั้นให้นายกลับไปบอกเอลวินเรื่องอาการบาดเจ็บของชั้น พวกนั้นจะมาช่วยหลังจากนี้”
 
 
“ไม่ครับ ผมจะพาหัวหน้ากลับไปพร้อมกัน”
 
ยังคงยืนกรานขัดคำสั่งของคนเป็นหัวหน้าขณะที่จัดแจงใส่อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติเข้ากับตัว ปรับระดับของไอพ่นก๊าซที่ด้านหลังให้อยู่ต่ำกว่าปกติ ตรวจสอบน้ำหนักของก๊าซในถังเก็บ และเสียบเข้าในช่องติดก๊าซ
 
“เราน่าจะพอไปถึงท่าเข้าป่าที่ผูกม้าไว้ หัวหน้ายังพอยืนไหวมั้ยครับ”
 
คำถามของเขาทำให้หัวหน้ารีไวล์นิ่งอยู่นานโดยที่ไม่มีคำตอบ เขากำลังทำผิดอย่างร้ายแรงในหน้าที่ของทหารใต้บังคับบัญชา นอกจากขัดคำสั่งหัวหน้าแล้ว เขายังจะทำในสิ่งที่อาจมีเพียงหัวหน้าเอลวินเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่มีทางยอมกลับไปคนเดียวเด็ดขาด
 
“หัวหน้าช่วยทำตามที่ผมบอกด้วยนะครับ แล้วหลังจากนี้หัวหน้าจะทำโทษผมยังไงก็ได้ทั้งนั้น”
 
จ้องมองลึกลงไปในดวงตาของคนที่คล้ายกับไม่รู้จะจัดการกับเขายังไงดี ดวงตาที่เคยหรี่เล็กอย่างอารมณ์เสียก่อนหน้านี้จ้องมองตอบด้วยความสงสัย เอเลนเม้มปากแน่นสนิทก่อนจะเอื้อมมือไปสัมผัสที่ต้นแขนของคนตรงหน้าอย่างกลัวๆ กล้าๆ ถ้าจะโดนปัดออกอีกครั้ง หรือโดนเตะก็ต้องทน
 
“หัวหน้าค่อยๆ ยืนนะครับ”
 
ส่งแรงไปประคองร่างที่นั่งอยู่ให้ค่อยๆ ลุกขึ้นตามแรงพยุง แม้จะมีคำถามซ้ำๆ จากคนเจ็บว่าเขากำลังจะทำอะไรแต่กลับเป็นเขาแทนที่ไม่ยอมตอบคำถาม ยังคงค่อยๆ ประคองร่างของคนตัวเล็กกว่าที่ไม่สามารถยืนได้เต็มเท้าที่ขาขวา พยุงแขนเอาไว้ให้พาดอยู่กับไหล่ของเขา แม้จะลำบากเสียหน่อยกับการที่หัวหน้ารีไวล์ตัวเล็กกว่า แต่เขาก็พยายามย่อตัวลงมาให้รับน้ำหนักของร่างกายฝั่งหนึ่งของหัวหน้าได้พอดี
 
“ขี่หลังผมไปนะครับ”
 
 
“ไม่!!”
 
 
นั่นไงหล่ะ กะไว้แล้วว่าต้องโดนปฏิเสธ ถึงไม่ยอมตอบตอนที่หัวหน้าเอาแต่ถามว่าเขากำลังจะทำอะไร
 
“แค่จากนี้ไปถึงทางเข้าป่าเองครับ แค่นิดเดียว กลับไปพร้อมกันเถอะนะครับ”
 
 
“ไม่!!”
 
หัวหน้ารีไวล์เริ่มขัดขืน แขนข้างที่ไม่โดนพยุงไว้ยกขึ้นมาดันตัวเขาให้ออกห่าง แรงที่เยอะกว่าเริ่มดันจนเกือบหลุดการประคอง
 
 
“ทำไมหล่ะครับ กลับไปพร้อมกัน ดีกว่าหัวหน้าต้องรออยู่ที่นี่คนเดียวนะครับ ช่วยทำตามที่ผมบอก ผมขอร้องหล่ะครับ”
 
 
นานทีเดียวกว่าหัวหน้าที่ดิ้นอยู่จะเริ่มฟัง คำขอร้องมากมาย และประโยคที่บอกว่าจะยอมให้ทำโทษถูกยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างให้คนที่ไม่ยอมท่าเดียวเริ่มใจอ่อน จนในที่สุดคนที่ดิ้นไม่หยุดจนถึงเมื่อครู่ก็ยอมอยู่เฉยให้เขาประคองเอาไว้เหมือนเดิม
 
“กลับถึงที่พักเมื่อไหร่แกเตรียมตัวได้เลย”
 
นั่นหมายถึงการทำโทษที่น่าจะหนักหนาสาหัสอยู่ ที่ต้องแลกกับการยอมทำตามที่เขาขอร้อง
 
 
เอเลนไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่หันหลัง และย่อตัวลงทั้งที่ยังประคองร่างของคนเจ็บเอาไว้ จนอยู่ในระดับที่ต่ำพอให้อีกฝ่ายโน้มตัวทิ้งน้ำหนักลงมาบนแผ่นหลังของเขาที่รองรับอยู่ หัวหน้ารีไวล์ไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าไหร่ในการขึ้นขี่หลังเขาดีๆ หรือเพราะอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าทำให้เป็นการยากที่จะทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดลงมา ในขณะที่มืออีกคนไม่ยอมยกขึ้นมาพาดตรงช่วงไหล่
 
“หัวหน้าเกาะไหล่ผมไว้สิครับ กอดคอก็ได้”
 
เผลอออกคำสั่งไปแบบไม่รู้ตัวเสี่ยงจะโดนหมัดหนักๆ หรือขาฟาดลงมา แต่กลับเป็นเพียงเสียงบ่นในรำคอเบาๆ ขณะที่หัวหน้ารีไวล์ยอมยื่นแขนลงมาโอบรอบคอเขาไว้ เท่านั้นน้ำหนักตัวของคนตัวเล็กที่คิดเอาเองว่าน่าจะเบากว่านี้ก็เทลงมาบนตัวเขาทั้งหมด เข่าเกือบทรุดเหมือนกันตอนที่เริ่มยันตัวลุกขึ้น เป็นเพราะเขาเซไปด้านหน้านิดหน่อยหรือเปล่าหัวหน้ารีไวล์ถึงได้กอดคอเขาแน่นกว่าเดิม ถ้าจะบอกว่าหัวหน้าตัวหนักกว่าที่คิดอาจโดนรัดคอตายก็ได้
 
“ยกขาขึ้นมาได้มั้ยครับ เกี่ยวเอวผมไว้ อย่าให้ตัวบังตรงไอพ่นก๊าซ”
 
จนถึงตอนนี้ เขายังไม่กล้าจะหันหน้ากลับไปพูดกับคนด้านหลัง ได้แต่พูดทั้งที่จ้องไปยังต้นไม้ด้านหน้าอย่างที่เหมือนว่าเปลือกไม้นั้นสวยงามเหลือเกิน พยายามรวบรวมสมาธิอยู่ที่รอยแตกของไม้อย่างสุดความสามารถแผ่นอกของหัวหน้ารีไวล์ที่ทาบทับแนบสนิทอยู่กับแผ่นหลัง ทำให้เผลอคิดไปว่าคล้ายกับได้ยินเสียงหัวใจของอีกคนที่เต้นดังสะท้อนอยู่ อาจเพราะอยู่ใกล้กันมากเกินกว่าจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าจังหวะการเต้นของหัวใจนั้นไม่ต่างไปจากเขา
 
“เดี๋ยวข้างที่เจ็บผมช่วยนะครับ”
 
ไม่รู้ว่าตัวเองกล้าดียังไงถึงเอื้อมมือลงไปสัมผัสขาของคนเป็นหัวหน้าอย่างถือสิทธิ์ ช้อนมือที่ใต้ต้นขาออกแรงพยุงจนสูงพอให้ขาข้างขวานั้นอ้อมเกี่ยวที่ด้านหน้าพาดไว้ตรงเอวเขาได้พอดี ก่อนที่ขาอีกขาจะยกขึ้นพาดไว้ตาม พร้อมกับการช่วยประคองโดยฝ่ามืออีกข้างของเขา เท่ากับว่าตอนนี้น้ำหนักตัวของหัวหน้าทิ้งลงมาบนตัวเขาทั้งหมด ผัสได้ถึงแผ่นอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตอนอีกคนหนึ่งหายใจเป่ารดอยู่แถวด้านข้างของต้นคอ จนเผลอหันหน้ากลับไปหาคนที่กอดคอเขาอยู่ด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
 
 
…ถ้าจะมีช่วงเวลาไหนได้ใกล้กันมากเท่านี้อีก…
 
 
ถ้าหากจะโดนเตะ โดนต่อย หรือโดนรัดคอตายหลังจากนี้เขาคงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด หรือแม้แต่จะยกมือขึ้นป้องกัน ต่อให้จะโดนทำโทษเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกนอกจากขอให้หัวหน้าทำตามทำขอของเขา หรือจะโดนฆ่าจนตายก็ไม่อาจแม้แต่จะร้องขอชีวิต
 
เมื่อตอนนี้เขากำลังจูบหัวหน้ารีไวล์
 
 
 
 

– T B C –

 
 

x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x x

 
//วิ่งหนีการตัดจบตอนอันโหดร้าย ฟ้าวววว~~
พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ >//////<
 
เขียนเรื่องนี้เพราะอยากเขียนฉากที่รีไวล์ขี่หลังเอเลนนี้หล่ะค่ะ T/////T
แต่กว่าจะได้เขียนมาถึงก็ตอนที่ 8 เลย (ฮาาา..) เอเลนลูกแม่มาดแมนสมชายแล้ววว //น้ำตาไหล

One comment

  1. ที่เขาทำไปเพราะเป็นห่วงนะคะหัวหน้า น้องยอมให้หัวหน้าเตะต่อยน้องเต็มที่เลยนะคะฮืออออ
    หือ? คะ?? อะไรนะคะ?? กรี๊ดดดดดดดเอเล๊นนนนนนน กลางป่าเลยนะเธอ กลับไปจะโดนอะไรมั้ยคะเนี่ยย

    Like

Thank you for your comment ♥